ปัจจุบันมีอาชีพเดียวไม่เพียงพอดังนั้นหลายๆ คนจึงหารายได้เสริมด้วยการขายของตามตลาดนัดหลังเลิกงาน หรือบางคนที่กำลังว่างงานก็เลือกที่จะขายของตลาดนัดเพื่อหารายได้ด้วยเช่นกัน สำหรับบทความนี้เรามีเทคนิคการเลือกตำแหน่งตั้งร้านขายของในตลาดนัด มาฝากเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาช่องทางในการสร้างรายได้เสริมจากการขายของในตลาดนัดให้ขายดีและมีลูกค้าประจำกันค่ะ
เรื่องของตำแหน่งในการตั้งร้านเป็นสิ่งที่สำคัญที่เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ลูกค้าสามารมองเห็นร้าน และสินค้าของเราได้ชัดเจน รวมไปถึงสามารถจำร้านของเราเป็นอย่างดีโดยการจดจำจุดตั้งร้าน นั่นเป็นเพราะว่าโดยปกติแล้วเราจะสามารถจดจำสถานที่ตั้งของร้านที่ชื่นชอบหรือร้านที่ประจำในตลาดนัดมากกว่าจำชื่อของร้านค้า ดังนั้นตำแหน่งในการตั้งร้านที่ดีจึงมีความสำคัญเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ถือได้ว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การขายแบบออฟไลน์ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกตำแหน่งที่ตั้งร้าน
สิ่งแรกที่เราจะต้องคำนึงถึงนั่นก็คือ รู้ว่าตัวเราเป็นใครและสินค้าที่ขายคืออะไร ลักษณะและบุคลิกของกลุ่มลูกค้าเป็นแบบไหน อยู่ในกลุ่มเด็ก กลุ่มวัยรุ่น หรือกลุ่มผู้ใหญ่ ผู้หญิงหรือผู้ชายหรือเป็นครอบครัว ซึ่งโดยปกติตลาดนัดจะมีการแยกโซนการขายสินค้าไว้อย่างชัดเจน โดยแยกโซนอาหารที่ต้องปรุง อาหารหรือขนมทานเล่นที่ไม่ต้องปรุงหรือทำสำเร็จมาแล้ว ของสด ของใช้ และโซนสินค้าแฟชั่นซึ่งแต่ละโซนนั้นต่างก็แยกออกมาเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า และลดการปะปนไม่เป็นระเบียบให้กับตลาด ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการแยกโซนไว้อย่างชัดเจน แต่การเลือกตำแหน่งในแต่ละโซนนั้นถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะต้องอาศัยความไวเพราะตำแหน่งที่ดีใครๆต่างก็ต้องการเช่นเดียวกัน
เทคนิคในการเลือกที่ตั้งร้านในตลาดนัด
ในการเลือกตำแหน่งสำหรับตั้งร้านค้าในตลาดนัดนั้นพ่อค้าแม่ค้ามืออาชีพต่างก็จะมีเทคนิคและหลักในการเลือกที่ตั้งเพื่อให้ร้านค้าของตัวเองนั้นมีจุดเด่นและจะทำได้ง่าย โดยเราสามารถนำหลักการเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจอื่นๆอีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเสื้อผ้า อาหาร ของแต่งบ้านและอื่นๆในการปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจซื้อเหมาะสมกับร้านค้าของเพื่อนๆได้
1.มุมอับหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง
ตำแหน่งที่ตั้งของร้านไม่ควรแคบ หรืออยู่ในมุมอับ เพราะจะทำให้ลูกค้าสังเกตุเห็นได้ยากและลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งมุมที่อับและแคบจะทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและอึดอัด ซึ่งหากมองในทางฮวงจุ้ยแล้วจะถือว่าเป็นมุมอับโชคและไม่เป็นมงคล
2.เลือกทำเลที่สว่างไม่มืด
แสงสว่างมีผลต่อการตัดสินใจเดินเข้ามาชมของลูกค้า ดังนั้นจึงควรเลือกทำเลที่แสงสว่างส่องถึงเพียงพอถึงแม้ว่าภายในร้านจะมีการจัดแสงแล้วก็ตาม แต่ในระหว่างทางเดินหากมีแสงที่ไม่เพียงพอก็ทำให้ไม่น่าสนใจที่จะเดินไปชมร้านค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากขายเสื้อผ้า และเครื่องประดับแฟชั่น การจัดแสงที่เพียงพอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นจึงควรเลือกทำเลที่มีแสงส่องถึงอย่างเพียงพอเพื่อดึงดูดในลูกค้าสนใจที่จะเดินไปชม ยกเว้นสินค้าบางชนิดที่เข้ากับการจัดร้านด้วยแสงไฟที่สลัวๆ
3. มุมตั้งร้านต้องไม่โดดเดี่ยว
ก่อนจะตั้งร้านควรสังเกตุรอบๆ ข้างด้วยว่ามีร้านค้าอื่นๆ เปิดด้วยหรือไม่เพราะถึงแม้จะเป็นมุมที่เห็นว่าดีสามารถมองเห็นได้แต่ไกลก็จริง แต่หากรอบๆ ข้างไม่มีร้านค้าอื่นๆ ตั้งอยู่เลยก็อาจทำให้ดูไม่น่าเดินและไม่มีจุดดึงดูดให้คนเดินมาถึง
4. เลือกทำเลที่มีคนเดินพลุกพล่าน
ทำเลที่อยู่ติดกับทางเดินเข้าออก หรือหัวมุมที่มีคนเดินผ่านตลอดเวลาเรียกได้ว่าเป็นทำเลทองสำหรับพ่อค้าแม่ค้า เพราะเป็นจุดที่ผู้คนจะต้องเดินผ่านหรือเข้าออกตลอดเวลา ลูกค้าสามารถเดินช้อปปิ้งแล้วก็ยังสามารถเดินกลับมายังร้านบริเวณนี้ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วทางตลาดมักจะจัดโซนและช่องทางในการเดินชมร้านค้าเพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินชมร้านค้าได้อย่างทั่วถึง เราจึงควรเลือกทำเลที่มีคนเดินผ่านและเดินวนกลับมายังร้านได้ง่าย
5. เลือกทำเลที่สามารถมองเห็นร้านค้าได้ง่าย
ลองสังเกตุดูร้านรอบๆ ข้าง หรือบริเวณโดยรอบว่ามีสิ่งบดบังหรือไม่ บางร้านอาจตั้งเต้นท์ในลักษณะที่ปิดทึบและวางของโชว์ออกมานอกเขตร้าน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นร้านที่อยู่ด้านข้างๆ ได้ หรือในบางกรณีอาจมีเสาไฟ หรือสิ่งกีดขวางตั้งไว้อยู่ซึ่งจะกลายเป็นมุมอับที่ทำให้คนมองไม่เห็น หรือมองแล้วไม่น่าเดินเข้ามาในร้าน
ทำอย่างไรเมื่อได้ทำเลตั้งร้านไม่ดี
1. เมื่อเจอกับมุมอับแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
แน่นอนว่ามุมเด่น ๆ ใครๆ ก็ต้องการแต่เมื่อเราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงมุมอับได้จริงๆ ช่องทางในการแก้ปัญหาคือ ทำให้ร้านค้าดูโดดเด่นขึ้นด้วยการใช้แสงไฟส่องสว่างเข้ามาช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นร้านของคุณได้อย่างชัดเจนแต่ไกล รวมไปถึงการจัดร้านให้ดูเป็นระเบียบและมองเห็นสินค้าที่ขายอย่างชัดเจนดึงดูดให้คนอยากเข้ามาชมสินค้าใกล้ๆ
2. เมื่อต้องอยู่ในมุมที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ หรือไม่มีปลั๊กไฟ
หากต้องพบกับปัญหานี้แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้โคมไฟแบบไร้สาย ช่วยให้แสงส่องสว่างภายในร้านค้าและด้านหน้าของร้านเพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นร้านของคุณได้จากในระยะไกลอย่างชัดเจน
3.เมื่อต้องตั้งร้านอยู่โดดเดี่ยว
หากต้องอยู่ในมุมที่ไม่มีร้านค้าอื่นเปิดอยู่ใกล้ๆ แน่นอนว่าลูกค้าอาจเดินเข้ามาไม่ถึงโดยเฉพาะหากคุณเป็นร้านค้าหน้าใหม่ที่ยังไม่มีลูกค้าประจำ การแก้ปัญหาร้านค้าตั้งอยู่เพียงโดดเดี่ยวสามารถทำได้โดยการดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ซึ่งต้องใช้เสียงเป็นตัวช่วยกระตุ้นความสนใจเช่นเสียงเพลงที่ทำให้ดูคึกคัก และการจัดร้านจัดแสงให้ดูน่าสนใจต่อการเดินเข้ามาชม
4. เมื่อต้องอยู่ในจุดที่ลูกค้าเดินเข้าถึงได้ยาก
หากร้านของคุณอยู่ในมุมที่คนเดินเข้าถึงค่อนข้างยาก อาจจะเป็นพื้นที่คับแคบและกระจุกเป็นคอขวดทำให้เดินสวนกันได้ลำบาก หรืออาจจะอยู่ไกลจากทางเข้าออกหรือทางสัญจรจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นร้านของคุณได้ วิธีแก้ปัญหาคือการตกแต่งร้านให้ดูน่าสนใจและดึงดูดสายตาโดยการใช้ป้ายที่มีสีสันหรือป้ายไฟที่ทำให้มองเห็นได้ชัดแต่ไกล รวมถึงใช้ไฟส่องสว่างภายในร้านให้ดูโดดเด่นก็จะทำให้คนมองเห็นและอยากเดินเข้ามาชม
5. เมื่อต้องอยู่ในมุมที่มีสิ่งบัดบังร้าน
ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าข้างเคียงที่ตั้งร้านแบบปิดทึบหรือมีสิ่งกีดขวางอยู่หน้าร้านการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือการใช้ป้ายที่มีสีสันสดใสและดึงดูดสายตาวางไว้บริเวณหน้าร้านให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้หลุดโฟกัสสายตาของลูกค้าที่เดินไปมา การเลือกใช้สีที่สดใสจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้ามองเห็นได้ง่ายและกระตุ้นความอยากรู้ให้เดินเข้ามาชมและเลือกซื้อสินค้าของคุณได้ง่ายขึ้น
การเปิดร้านขายของในตลาดนัดสำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ในช่วงเริ่มต้นไม่ใช่สิ่งที่ยาก แต่ต้องอาศัยการสังเกตว่าตลาดที่ต้องการไปขายสินค้านั้นเป็นแบบไหน ผู้จัดตลาดมีกฏเกณฑ์อย่างไร มีการจัดแบ่งโซนอย่างชัดเจนหรือไม่ และที่สำคัญคือกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มไหน เพราะบางครั้งสินค้าของเราอาจไม่เหมาะกับตลาดบางตลาด เพื่อนๆ ที่อยากจะหารายได้เสริมจากการขายของตลาดนัดหลังเลิกงานจึงต้องศึกษาตลาดนั้นๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดและขาดทุนจนทำให้ต้องหมดกำลังใจ และเมื่อได้ตลาดที่เหมาะสมกับสินค้าที่ต้องการขายแล้ว ทีนี้เราก็สามารถเปิดร้านค้าได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้และอย่าลืมนำเทคนิคการเลือกตำแหน่งตั้งร้านขายของในตลาดนัด ไปทดลองใช้กันดูนะคะ