เมื่อเทคโนโลยี เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทำให้โลกพัฒนาไปข้างหน้าและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เกิดอาชีพเสริม แนวใหม่ขึ้นมามากมาย และ 10 อาชีพเสริมทำเงินหลังเลิกงาน ในยุคดิจิทัล 2564 ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะทำงานประจำ หรืออยู่ในวัยเรียน หากลองมองหากิจกรรม หรืองานอดิเรกที่มีโอกาสสร้างรายได้งาม ๆ และได้ฝึกฝนทักษะอาชีพไปในตัว เพื่อเสริมรายได้ก็สามารถทำได้ไม่ยากสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพียงแค่ใช้มือถือ และคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ โดยสามารถทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตหลังเลิกงานได้ ไม่ว่าจะทำงานอยู่บ้าน หรือที่ไหนๆก็สามารถทำงานได้ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ และไม่เบียดเบียนเวลาทำงานอีกด้วย ซึ่งการหารายได้มากกว่าหนึ่งช่องทางเปรียบได้ดั่ง Back Up Plan ที่ดีเสมอ สำหรับการใช้ชีวิตในโลกที่ปราศจากความแน่นอน และเปราะบางอย่างยิ่ง มาดูกันเลยว่ามีอาชีพไหนที่จะทำเงินได้จริง และโกยเงินในยุคนี้ได้บ้างค่ะ
1. เป็น Blogger
ยุคนี้เป็นยุคที่ใครๆ ก็นิยมติดตามเหล่าบรรดา Blogger ซึ่งเราสามารถเห็นได้มากมาย และหากว่าคุณมีพรสวรรค์ด้านการเล่าเรื่อง รวมถึงมีความสนใจเฉพาะทาง ไม่ว่าจะในด้านเทคโนโลยี มีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพ และความงาม หรือชอบการท่องเที่ยว พร้อมกับบอกเล่าประสบการณ์ผ่านการเขียนบล็อกออนไลน์ ทำคลิปวิดีโอ หรือสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง ความสามารถต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นข้อได้เปรียบ ในการสะสมผลงาน และหากบทความนั้นได้รับการเผยแพร่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผู้คนได้รู้จัก และสร้างชื่อเสียงให้กับบล็อกเกอร์ จนสามารถต่อยอดไปเป็น Influencer กันได้เลยทีเดียว บางรายนั้นมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากสปอนเซอร์ในการเขียนรีวิวสินค้าเริ่มต้นตั้งแต่ 8,000 – 10,000 บาทต่อ 1คอนเทนต์ ส่วนหากเป็น You Tube รายได้อยู่ที่ราวๆ 30,000 – 40,000 บาท ต่อหนึ่งคลิปเลยทีเดียว และสิ่งสำคัญที่จะทำให้ในการเป็นบล็อกเกอร์ประสบความสำเร็จได้นั้น คือคุณภาพของเนื้อหาที่นำเสนอ ควรทำเนื้อหาให้น่าสนใจ วิธีการเล่าเรื่องด้วยวิดีโอที่ดูแล้วสนุก และคล้อยตาม สามารถ เข้าใจได้ง่าย ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถทำให้เข้าถึงผู้อ่านผู้ชมได้มากขึ้น
2. ขายภาพถ่ายทางออนไลน์
หากคุณเป็นคนที่รักการถ่ายภาพ และมีฝีมือในการถ่ายภาพอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีต่างๆ มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมือถือที่คุณภาพกล้องที่เทียบเท่า เปรียบเสมือนกล้องถ่ายรูปสำหรับช่างภาพมืออาชีพหรือแม้แต่โปรแกรมต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีช่วยให้ภาพที่เราถ่ายนั้นมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น การขายภาพถ่ายในยุคปัจจุบันมีความสะดวกสบาย ซึ่งแตกต่างจากยุคก่อน ที่จะต้องนำผลงานไปนำเสนอให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายพิจารณา แต่ในยุคปัจจุบัน เราสามารถทำการโปรโมทผลงานการถ่ายภาพของตัวเอง โดยการนำเสนอผ่านทางเว็บไซต์ได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำผลงานไปให้กับลูกค้าดูด้วยตนเองอีกต่อไปแล้ว ด้วยเทคโนโลยีด้านการสื่อสารจึงทำให้เกิดอาชีพใหม่ที่เรียกว่า Stock Photographer ขึ้นมา เพียงแค่คุณเข้าไปในเว็บไซต์ แล้วทำการสมัครสมาชิกกับเว็บที่เปิดรับเป็นตัวแทนในการขายภาพออนไลน์อย่าง Shutterstock, Istockphoto, photolia ซึ่งแต่ละเว็บไซต์นั้น จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไป หากภาพถ่ายของคุณผ่านมาตรฐาน และมีคนกดซื้อภาพของคุณ คุณจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ โดยมีโมเดลส่วนแบ่งสำหรับเจ้าของผลงานที่แตกต่างกันไป ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างจากเว็บไซต์ shutterstock.com โดยมีรูปแบบโมเดล 3 แบบหลักๆด้วยกัน
แบบที่ 1 ลูกค้าแบบ ซับสคริปชั่น คือลูกค้าที่ทำการสมัครบริการในรูปแบบจ่ายรายเดือน โดยทาง Shutterstock จะให้ส่วนแบ่งกับเจ้าของรูปภาพอัตราเริ่มต้นที่ 15 บาท ต่อ 1 การดาวน์โหลดที่รูปภาพไม่ซ้ำกัน และสำหรับเจ้าของรูปภาพที่มียอดขายสะสม 0- 1500 บาท
และในเรทส่วนแบ่งที่ 99, 1080 และ 1,140 บาท ต่อ 1 ดาวน์โหลด รูปภาพไม่ซ้ำกัน สำหรับผู้ที่มียอดขายสะสมเรทส่วนแบ่งจะเริ่มต้นที่ 1,500 – 9,000 บาท, 9,000 – 30,000 และเรทส่วนแบ่งที่ะมากกว่า 30,000 บาท ขึ้นไปตามลำดับ
แบบที่ 2 ลูกค้าแบบ ออนดีมานด์ คือลูกค้าที่สมัครบริการในแบบเหมาจ่าย เช่น เหมาจ่าย 5 รูป และเหมา 25 รูป โดยสามารถดาวน์โหลดรูปในช่วเวลาใด ตอนไหนก็ได้ ภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งกรณีนี้ เจ้าของผลงานจะได้รับเรทส่วนแบ่ง ระหว่าง 24 – 37 บาท จนกระทั่่งถึง 56 – 85.50 บาท ต่อ 1 ดาวน์โหลดของรูปภาพที่ไม่ซ้ำกัน
แบบที่ 3 ลูกค้าแบบ ฟุตเทจ คือลูกค้าที่ซื้อ ฟูตเทจ จากวีดีโอ ซึ่งเป็นเรทที่มีราคาสูง 1 ฟุตเทจ มีราคาประมาณ 1,950, 2,370 และ 5,370 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน และขนาดของไฟล์ ซึี่งเรทราคาที่ 1 รูปภาพ จะมีราคาระหว่าง 8.10 – 294 บาท โดยในกรณีที่ลูกค้าเลือกซื้อ ฟุตเทจ วีดีโอน้น ในส่วน เจ้าของผลงานเอง จะได้รับส่วนแบ่ง 30% จากราคาที่ถูกซื้อ และจะได้รับส่วนแบ่งเป็น เฟลทเรท
แต่ละเว็บไซต์อาจมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักๆ แล้วจะมีความคล้ายคลึงกัน เช่น ภาพนั้นต้องเป็นผลงานของคุณจริง และต้องเป็นภาพที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์จากผู้อื่นมา เป็นต้น
และเมื่อหากคุณมั่นใจว่ามีฝีมือในการถ่ายภาพได้สวย อาชีพนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะภาพถ่ายนั้นมีความพิเศษของตัวเอง คือไม่มีวันหมดอายุ และสามารถขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้ามีทั่วโลก ทางเว็บไซต์จัดการขั้นตอนซื้อขายให้หมด ซึ่งในบางภาพ ราคาพุ่งไปหลักแสนเลยก็มี
3. รับ Pre-order สินค้า
อาชีพรับ พรีออเดอร์ สินค้า คล้ายกับการรับฝากซื้อสินค้าที่ลูกค้ามีความต้องการ เมื่อได้สินค้าตามรายการที่ลูกค้าสั่งแล้ว เราจึงนำมาส่งต่อให้ลูกค้าโดยที่เราจะคิดค่าบริการในการซื้อสินค้ามานำส่งให้กับลูกค้า อาชีพนี้ถือได้ว่าได้รับความนิยมในวงกว้าง และตอบโจทย์สำหรับนักช้อปได้เป็นอย่างดี เราจะสามารถเห็นได้จากตามเพจเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม ของร้านค้าที่มีบริการรับหิ้วอยู่บ่อย ๆ เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง อาชีพรับหิ้วของนั้น เราสามารถทำเป็นอาชีพเสริมเป็นครั้งคราวในช่วงเวลาที่ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือเมื่อมีสินค้าลดราคาจากแบรนด์ดัง และยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ขึ้นมาทำให้คนไม่ค่อยเดินทางออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น รวมไปถึงการใช้ชีวิตที่เร่งรีบไม่มีเวลา จึงทำให้ความต้องการในการสั่งซื้อผ่านทางการ Pre order มีมากขึ้น สินค้าที่ลูกค้ามักจะสั่ง Pre order โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทเสื้อผ้า และของใช้ที่กำลังจัดงาน Sale หรืองาน Event โดยกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีความสนใจซื้อสินค้าแต่ไม่มีเวลาเดินทางไปซื้อด้วยตัวเอง ในการรับหิ้วนั้นอาจหิ้วได้ถึง 100 ชิ้น/วัน สำหรับสินค้าที่มีขนาดเล็ก ราคาค่าหิ้วเริ่มต้นที่ 20 – 100 บาทต่อชิ้น สามารถสร้างรายได้ให้เฉลี่ยวันละประมาณ 2,000-10,000 บาท ยังไม่นับรวมหากคุณมีบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ได้รับเงินคืนเมื่อใช้บัตรรูดซื้อสินค้า ซึ่งเท่ากับว่าคุณรับหิ้วสินค้าที่ได้ในราคาพิเศษ และได้กำไรจากสินค้าชิ้นนั้นด้วยเช่นกัน
การเริ่มต้นรับหิ้วสินค้า หรือรับ Pre order นั้นจำเป็นจะต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายรู้สึกไว้วางใจและเชื่อถือก่อน จึงจะมีผู้ที่กล้าฝากให้เราหิ้วสินค้ามาให้ โดยการสร้างเว็บเพจของเราเอง หรือสร้างโซเชียล มีเดีย เช่น เพจเฟสบุ๊ค IG เพื่อลงรูปสินค้า และเริ่มทำการโปรโมทให้คนได้รู้จักตัวเรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การไปเที่ยว หรือการเข้าสังคมต่างๆ ให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เห็นไลฟ์สไตล์ หรือที่เรียกอีกอย่างก็คือ เป็นการสร้างตัวตนขึ้นมานั่นเอง ทั้งนี้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นช่องทางในการติดต่อกับลูกค้านั่นเอง
4. นักแปลอิสระ
การเป็นนักแปลเหมาะสำหรับบคนที่ชอบการอ่าน และชอบการเขียน พร้อมทั้งมีความสามารถทางด้านภาษา รวมไปถึงมีทักษะในการแปลของตัวเองเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว อาชีพนี้สามารถสร้างรายได้มากกว่าที่เราคิดไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่ได้ภาษาที่สาม ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด รวมไปถึงผลตอบแทนค่าแรงที่สูงตามไปด้วย ซึ่งหากคุณเลือกรับงานแปลบทความ เรื่องสั้น ที่ไม่ต้องใช้เวลานานมากจนมาเบียดเบียนเวลาในการทำงานคุณสามารถทำหลังเลิกงาน ได้ สำหรับรายได้เฉลี่ยของการอาชีพนักแปลอิสระนั้น เริ่มต้นที่ 400 – 800 บาทต่อ 1 หน้าเอกสาร หากเป็นงานแปลสารคดี ที่มีความยาวเริ่มตั้งแต่ 20 หน้าขึ้นไป จะสามารถทำรายได้งราวๆ เรื่องละ 5,000 – 7,000 บาท ในส่วนของละคร หรือซีรี่ส์นั้น ค่าจ้างคิดเป็นตอนละ 3,000 – 5,000 บาท นวนิยายที่มีเนื้อเรื่องที่ยาวค่าจ้างเฉลี่ยเล่มละ 30,000 – 80,000 บาท หรือหากเป็นเรื่องที่มีการใช้ศัพท์ทางเทคนิค หรือศัพท์ทางวิชาการมากๆ อาจจะสามารถทำได้เกินหลักแสน ซึ่งหากคุณมีความสามารถและเชี่ยวชาญทางด้านภาษาเป็นพิเศษ ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่คุณสามารถทำรายได้พิเศษได้ถึงหลักแสนเลยทีเดียว
การรับงานแปล เปรียบเสมือนได้ว่าเป็นการฝึกฝนทักษะภาษาของตัวเองให้แน่นมากยิ่งขึ้นไปอีก และหากมีทักษะทางภาษาที่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ จะยิ่งเป็นเพิ่มโอกาสในการเพิ่มค่าแรงสูงตามไปด้วย ถึงแม้ว่าความรู้ทางด้านภาษาจะมาเป็นที่หนึ่ง แต่ตัวของนักแปลเองควรศึกษาหาความรู้ด้านอื่นไปพร้อม ๆ กันให้มากขึ้นด้วยอย่างเช่น ความรู้ในด้านสังคม ความรู้ในเชิงประวัติศาสตร์ และความรู้ทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งความรู้เหล่านี้จะมีประโยชน์ในการแปลบทความที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางได้เป็นอย่างดี
5. รับเป็นติวเตอร์
การรับเป็นเป็นติวเตอร์ในสมัยนี้นั้นมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมให้สามารถเปิดสอนได้ในวงกว้างขึ้นโดยคุณสามารถทำเป็นคลิปวิดีโอเพื่อสอนผ่านทาง Youtube หรือ Facebook Live หรืออาจใช้โปรแกรม zoom ในการสอนได้ รวมไปถึงยังสามารถสื่อสารกับผู้เรียนได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย ทั้งประหยัดเวลาค่าเดินทาง จากการเรียนที่บ้านก็ยังสะดวก และปลอดภัยจากเชื้อโรค จึงยิ่งสามารถทำรายได้ให้มากขึ้นได้อีก ซึ่งรายได้เฉลี่ยจะเริ่มต้นที่ 300 – 600 บาทต่อคน ต่อการสอน 3 ชั่วโมง ซึ่งหากรับสอนครั้งละ 5 คน รายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 1,500 – -3,000 บาทต่อ 3 ชั่วโมง หมายความว่าหากรับสินพิเศษสัปดาห์ละ 2 วัน 6 วันต่อเดือน จะสามารถทำรายได้เฉลี่ย 9,000 – 18,000 บาทต่อเดือน และหากเปิดสอนผ่านทางช่องทางออนไลน์ จำนวนผู้เรียนมีตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปรายได้เฉลี่ยต่อเดือนจะอยู่ที่ 18,000 – 108,000 บาทเลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคอร์สที่เปิดสอน และความยากง่าย รวมถึงทักษะและเทคนิคในการสอน
อีกช่องทางหนึ่งสำหรับการสร้างรายได้จากการสอนพิเศษ นอกเหนือจากการสอนผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านเว็บไซต์แล้ว เรายังสามารถนำคลิปวิดีโอการสอนออนไลน์ไปขายผ่านเว็บไซต์ที่รวบรวมบทเรียนออนไลน์ หลากหลายสาขาไว้ด้วยกัน เช่น เว็บไซต์ coursesquare.co, เว็บไซต์ skilllane.com, และเว็บไซต์ udemy.com ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้จะมีการหักรายได้ส่วนแบ่งเข้าทางเว็บไซต์ที่ให้บริการส่วนหนึ่ง (เปอร์เซนต์ส่วนแบ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงของแต่ละเว็บไซต์) ข้อดีในการสอนผ่านช่องทางออนไลน์แบบนี้ ก็คือเราจะมีนักเรียนที่หลากหลายวัย จากทั่วประเทศ ยิ่งทำให้ผู้สอนต้องหมั่นศึกษาและพัฒนาเทคนิคในการสอนอยู่ตลอดเวลา
6. ทำสติ๊กเกอร์ไลน์ขาย
หากใครที่มีฝีมือในการวาดรูป และชื่นชอบการวาดรูปอยู่แล้ว ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่มีความถนัดในด้านการวาดรูป โดยเฉพาะการ์ตูนน่ารักๆ มีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น ซึ่งจากผลสำรวจเมื่อปี 2563 ประเทศไทยเป็นประเทศที่ติดอันดับ ที่ 2 ของประเทศที่มีผู้ใช้งานไลน์มากที่สุดในโลก เนื่องจากโปรแกรมไลน์นั้นมีสติ๊กเกอร์ที่มีคาแรคเตอร์น่ารัก ๆ เอาไว้แทนความรู้สึกต่าง จึงทำให้ได้รับความนิยมตามไปด้วย นอกจากไลน์จะเป็นแอปพลิเคชั่นยอดฮิตที่มีไว้สำหรับใช้ในการสื่อสารแล้ว ยังสามารถช่วยสร้างอาชีพได้อีกด้วยเช่นกัน หลังจากไลน์ได้เปิดโอกาสให้นักวาดทั่วไปสามารถออกแบบสติ๊กเกอร์ไปขายในระบบได้ จึงทำให้เป็นช่องทางสำหรับสร้างรายได้เสริมสำหรับคนที่มีฝีมือด้านออกแบบ และวาดรูป โดยการจะทำให้สติ๊กเกอร์มียอดดาวน์โหลดเยอะนั้น ผู้วาดจำเป็นต้องสร้างคาแรคเตอร์ที่มีความแตกต่าง และมีคำหรือประโยคที่โดนใจที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนั้น ๆ รายได้จากการขายสติ๊กเกอร์ไลน์นั้นคุณจะได้รับรายได้จากการขายสติ๊กเกอร์ 35% ของรายได้ทั้งหมด ไม่รวมหักภาษี ซึ่งปกติทางไลน์จะขายสติ๊กเกอร์ลายละตั้งแต่ 30 บาท คุณจะได้เงิน โดยเฉลี่ย 10 บาท (ไม่รวมหักภาษี)
หมายความว่าหากขายสติ๊กเกอร์ได้ 100 ชุดต่อวัน ก็จะได้รับเงิน 1,000 บาท หากขายได้ 30 วัน คุณก็จะมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท หากเป็นสติ๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมติดอันดับ Best Sellers สามารถทำรายได้ถึงหลักแสนต่อเดือนเลยทีเดียว
7. ขายต้นไม้
กระแสการปลูกต้นไม้กลับมานิยมมากขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะการปลูกไม้พันธุ์เล็กๆ ที่เลี้ยงในคอนโดฯ หรือหอพักได้ โดยเฉพาะ แคคตัส ซึ่งปัจจุบันมีผู้ที่นิยมเลี้ยงไว้เพื่อดูความสวยงามในเวลาที่ออกดอกกันอย่างมากมาย และยังไม่เปลืองพื้นที่ในการเลี้ยงอีกด้วย ด้วยกระแสนิยมนี้ทำให้สร้างรายได้ เป็นกอบเป็นกำและสามารถทำเงินได้จริง หากมีการบริหารจัดการดีจะสามารถสร้างกำไรเฉลี่ยได้ถึงสัปดาห์ละ 6,000 -7,000 บาท และสามารถทำราคาให้สูงขึ้นได้จากอายุการเลี้ยงดูที่เพิ่มขึ้น ด้วยความที่แคคตัสเป็นไม้ที่โตช้า และใช้เวลาในการเลี้ยงนาน อายุหลายปี จึงทำใหมีราคาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ขนาดเล็กชนิดอื่นๆ ที่สามารถนำมาขายเพื่อเสริมรายได้และเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน เช่น บอนไซ หรือแม้แต่การปลูกต้นไม้ในขวดก็เป็นที่นิยม ซึ่งทำให้ผู้ขายต้นไม้สร้างรายได้จากการขายต้นไม้ขนาดเล็กเป็นอย่างดี และหากนำมาโพสต์ขาย พร้อมทั้งมีบริการจัดส่ง และให้คำปรึกษาวิธีเลี้ยง รวมถึงวิธีดูแลเบื้องต้นให้กับลูกค้าได้จะยิ่งได้เปรียบ และทำให้ดูเป็นมืออาชีพได้ ถึงแม้จะเป็นอาชีพเสริมก็ตาม
8. อัดเสียงทำ Podcast
การอัดเสียงทำ Podcast นั้นถือได้ว่าเป็นอีกอาชีพเสริมที่ไม่ต้องลงทุนมากนัก คุณเพียงแค่ลงทุนในการอ่าน โดยการหาหนังสือดีๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์มาอ่าน และหากคุณชอบที่จะเล่าเรื่องราว และมีน้ำเสียงที่ฟังแล้วสนุก ก็นำมาอัดเสียงทำช่อง Podcast ให้สำหรับให้ผู้สนใจเปิดฟังขณะขับรถยาวๆ โดยสามารถปรับแปลงไฟล์เพื่อลง Spotify หรือ YouTube เพื่อสร้างรายได้หลายช่องทางเพิ่มขึ้น และในส่วนของราบได้จากการทำ podcast นั้นต้องอาศัยระยะเวลาสักระยะหนึ่ง ซึ่งรายได้ต่างๆจะเข้ามาเองจากช่องทางของสปอนเซอร์
หรือสินค้าที่คุณมีขายอยู่หรือเป็นสินค้าจากสปอนเซอร์ ซึ่งบรรดาสปอนเซอร์ก็จะต้องดูว่าคุณมีจำนวนผู้ติดตามอยู่เท่าไหร่ และจะได้อะไรจากกลุ่มคนเหล่านั้น เมื่อ podcast ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้างก็สามารถทำรายได้ให้คุณถึงหลักแสนกันได้เลยทีเดียว
9. สอนโยคะ
ครูสอนโยคะหรือเทรนเนอร์ส่วนตัวกลายเป็นอาชีพมาแรงต่อเนื่อง โยคะถือได้ว่าเป็นการออกกำลังกายที่ได้ทั้งความแข็งแรง และได้สมาธิ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความยืดหยุ่นให้ร่างกาย และสร้างกล้ามเนื้อโดยไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวตัวด้วยความเร็ว หากคุณชอบเล่นโยคะ และมีทักษะในการสอน หรือผ่านคอร์สการเล่นโยคะขั้นสูงมาแล้ว จนสามารถเป็นผู้ฝึกสอนได้ ซึ่งสามารถทำที่บ้านได้โดยการเปิดสอนในช่วงวันหยุด ส่วนรายได้นั้นคิดค่าสอนต่อรายบุคคล คนละ 3,000 – 7,000 บาทต่อ 1 คอร์ส ใช้ระยะเวลาในการสอนวันละ 2-3 ชั่วโมง ต่อรอบ
หากคุณเปิดสอนรอบละ 5 คน วันละ 2 รอบช่วงวันเสาร์- อาทิตย์ คุณจะสามารถสร้างรายได้จสกการสอนได้เดือนละ 60,000-200,000 บาทต่อเดือน และแน่นอนว่าผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ต้องมีความรู้ เพื่อดูแลท่าออกกำลังกายที่ถูกต้อง รูปร่างและกล้ามเนื้อสวยงาม แข็งแรงมีสุขภาพดี การกินอาหารสุขภาพและมีการควบคุมอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ
10. Digital Copywriter
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้รอบตัวเยอะ มีไอเดียโดนใจ คิดงานได้เร็ว และมีความรู้รอบตัวพร้อมทั้งมีหูตากว้างไกล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานในการเป็น Copywriter ในการรับผิดชอบเขียนโฆษณาเพื่อโปรโมทสินค้าและบริการ ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ หลายคนอาจสงสัยว่าในอาชีพนี้จะสร้างเงินให้ได้อย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการสื่อสารที่ดีนั้นสามารถสร้างรายได้ให้แบรนด์ได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นสโลแกนสั้น ๆ ที่อาจทำให้ลูกค้าสามารถจดจำสินค้าคุณไปได้อีกนาน สำหรับผู้ที่มีความสามารถ และมีความคิดครีเอทด้วยแล้ว การทำงานด้านนี้ถือได้ว่ามีความท้าทาย ยิ่งหากคุณทำงานในสายงานด้านนี้อยู่แล้ว และต่อยอดเพิ่มขึ้นมาก็ยิ่งสามารถทำรายได้ และโอกาสในการทำงานได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับรายได้นั้นขึ้นอยู่กับการตกลงกัน เช่นเป็นรายเดือน หรือต่อชิ้นงานและประสบการณ์ของแต่ละคน ซึ่งหากรับงานด้วยตนเองค่าตอบแทนเป็นชิ้นงานเหมา ราคาแตกต่างกันไปตามสภาพปริมาณความยากง่าย และระยะเวลาการทำงาน ตั้งแต่ชิ้นละประมาณ 4,000 – 25,000 บาท (งานเขียนหนังสือคู่มือต่างๆ ที่เป็นเล่ม) ส่วนงานเขียนแคปชั่นนั้น เป็นการเขียนข้อความโฆษณา เพื่อเพิ่มความน่่าสนใจให้เหมาะสมกับภาพ และมีลูกเล่น สามารถดึงความสนใจให้คนที่มองเห็นเข้าใจได้ง่าย รายได้ประมาณ 20 ภาพ/ 1,500 บาท (สำหรับลง Social Media) หรือตามที่ตกลง
จากที่นำเสนอมาเป็นแค่บางส่วนของ ไอเดีย อาชีพเสริม 2564 ที่มาแรงเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน แต่ยังมีอีกหลายวิธีสร้างรายได้เพิ่มนอกเหนือจากงานประจำ อีกมากมาย สิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้ว่าตัวเองมีความถนัดด้านไหน แล้วจึงนำเสนอจุดแข็งของคุณ ให้คนอื่นได้เห็น และเกิดความสนใจ นอกจากนี้ การบริหารเวลา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับงานประจำที่ทำ
ในยุคที่มีการแข่งขันสูงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ การทำงานเพียงแค่อาชีพเดียวในปัจจุบันนี้ ยังไม่สามารถการันตีความมั่นคงได้ ดังนั้นหากเรามีความสามารถทางด้านใดๆ เป็นพิเศษ ก็ควรจะนำมาปรับใช้เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเองทั้ง 10 อาชีพเสริมทำเงินหลังเลิกงาน ในยุคดิจิทัล 2564 ที่ได้นำเสนอไปนั้น เป็นเพียงแค่ไม่กี่อาชีพเสริมที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่ยังมีอีกหลายอาชีพที่สามารถทำเสริมคู่กับงานประจำที่ทำอยู่ โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และอาจจะสามารถกลายเป็นธุรกิจหลักให้ในอนาคตข้างหน้าได้อีกด้วย หากมีการวางแผนการจัดการที่ดี และทำโมเดลธุรกิจให้รอบคอบ ในอนาคตอาชีพเสริมก็จะสามารถกลายเป็นธุรกิจหลักให้กับคุณได้เช่นกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.Krungsri.com