สำหรับมนุษย์เงินเดือนสายกรีนที่ชอบปลูกต้นไม้ และอยากมีรายได้เสริมไม่ควรพลาด 7 วันสร้างรายได้ง่ายๆ ด้วยต้นอ่อนข้าวสาลี อาชีพเสริมมนุษย์เงินเดือน บทความที่จะชวนคุณไปรวยกันง่ายๆ และใช้เวลาไม่นานก็สามารถสร้างรายได้ให้กับคุณได้ง่ายๆ กันแล้ว
ต้นอ่อนข้าวสาลี หรือ Wheat grass มีประโยชน์และยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่หลากหลาย โดยเฉพาะคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของต้นอ่อนข้าวสาลี และยังมีวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี เหมาะสำหรับตลาดคนรักสุขภาพที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นใช้เวลาในการปลูกเพียงแค่ 7 วัน ก็จะได้ต้นอ่อนสีเขียวที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และโปรตีนที่หลากหลายนำมาคั้นน้ำ หรือแปรรูปเป็นผงบรรจุแคปซูลเพื่อรับประทาน ทำเป็นชา หรือสกัดเป็นยา แม้แต่ตลาดสัตว์เลี้ยงก็ยังนำมาเป็นอาหารเสริมให้น้องแมวน้องหมาได้แทะเล็มเพื่อสุขภาพกันอีกด้วย
ประโยชน์ของต้นอ่อนข้าวสาลี
ต้นข้าวสาลีอ่อนในปัจจุบันคนรักสุขภาพต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะให้คุณค่าทางสารอาหารทั้งวิตามิน แร่ธาตุและคลอโรฟิลล์ น้ำต้นอ่อนข้าวสาลีคั้น 30 มล. สามารถให้คุณค่าทางสารอาหารเท่ากับการรับประทานผักถึง 1 กิโลกรัม และปลอดภัยต่อร่างกายไม่มีสารตกค้างสะสม ต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสมอง และยังช่วยปรับระดับของไขมัน และคลอเลสเตอรอลให้สมดุล ลดการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือก ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ผู้ป่วยเบาหวานและโลหิตจางก็สามารถรับประทานได้ เรียกได้ว่าเป็นยาจากธรรมชาติที่แท้จริง
วิธีการเพาะปลูกต้นอ่อนข้าวสาลี
ในการเพาะปลูกต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนและทำได้ง่าย วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ไม่มากเพียงแค่เตรียมถาดพลาสติกเจาะรูเพื่อไม่ให้มีน้ำขัง ขนาดของถาดตามความเหมาะสมกับพื้นที่ของผู้ปลูก กระสอบ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์สำหรับปิดคลุมถาด ดินหรือขุยมะพร้าวผสมแกลบ และเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลี แนะนำให้ใช้พันธุ์ผสมพื้นเมืองเพราะปลูกง่ายเหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทย
ขั้นตอนการเพาะปลูก
- นำเมล็ดข้าวสาลีแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้อย่างน้อย 1 คืนหรือ 24 ชั่วโมง และในระหว่างนั้นควรมีการเปลี่ยนน้ำเพื่อไม่ให้น้ำเน่า และจะสังเกตุเห็นได้ว่าเมล็ดข้าวสาลีจะมีจมูกขาวๆ โผล่ขึ้นมาพร้อมสำหรับการนำไปปลูก
- นำเมล็ดที่แช่น้ำแล้วโรยลงบนดินหรือขุยมะพร้าวที่เตรียมไว้โดยหว่านเมล็ดให้กระจายตัวอย่าให้เมล็ดซ้อนทับกันเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา
- รดน้ำให้พอชื้นได้ที่แต่ไม่ควรให้มีน้ำขัง หากรดน้ำมากเกินไปจะทำให้รากเน่า
- นำกระสอบหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ที่เตรียมไว้วางปิดทับไว้กักความชื้น
- พ่นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นบนเมล็ดทุกวัน และปิดทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หรือกระสอบ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน
- เมื่อสังเกตุเห็นส่วนของรากยึดกับกากมะพร้าวและต้นออ่อนงอกออกมาแล้วจึงนำถุงกระสอบหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ออก
- นำถาดปลูกออกไปวางไว้จุดที่มีแสงแดดเพื่อให้ต้นอ่อนข้าวสาลีได้รับแสงแดดโดยตรง
- รดน้ำให้พอเหมาะทุกวันจนครบวันที่ 5-7 สามารถตัดต้นอ่อนข้าวสาลีเพื่อนำไปคันน้ำหรือแปรรูปได้
การรดน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีควรรดน้ำด้วยการพ่นฝอย และต้องระวังในเรื่องของความชื้นเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา หากพบเชื้อราควรรีบดึงออกท้นทีเพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เชื้อรากระจายเป็นวงกว้าง ต้นอ่อนข้าวสาลีจะมีความสูงประมาณ 8 นิ้วในช่วงวันที่ 7-10 ของการเพาะปลูกและเป็นช่วงที่ให้สารอาหารเต็มที่สามารถตัดออกมาคั้นน้ำหรือแปรรูปได้ หากทิ้งไว้นานกว่านั้นต้นอ่อนจะเริ่มมีความแข็งหยาบและมีขน ซึ่งไม่เหมาะที่จะนำมารับประทาน
วิธีการตัดเพียงใช้กรรไกรตัดบริเวณโคนของต้นอ่อนส่วนโคนที่เหลือยังสามารถรดน้ำเพื่อให้ใบอ่อนรอบที่สองออกมาให้เก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง หลังจากทำการตัดแล้วนำไปล้างน้ำอย่างเบามือก่อนนำไปคั้นน้ำ หรือบรรจุใส่ถุงเพื่อขาย ราคาขายโดยทั่วไปโดยประมาณกิโลกรัมละ 500 บาท หรือแบ่งจำหน่ายเป็นขีดๆละ 50-60 บาท สำหรับตลาดคนรักสุขภาพ หรือหากปลูกขายสำหรับตลาดสัตว์เลี้ยงอาจปลูกในถาดขนาดเล็กโดยราคาขายจะอยู่ที่ถาดละ 50-150 บาทขึ้นอยู่กับขนาดที่ปลูก หรือจัดเป็นชุดสำหรับให้ลูกค้านำไปปลูกเอง ราคาขายที่ชุดละ 100-150 บาท
วิธีคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี
สายคนรักสุขภาพโดยส่วนใหญ่นิยมนำต้นอ่อนข้าวสาลีมารับประทานโดยการคั้นสด และดื่มให้หมดในทันทีหรือภายใน 30 นาทีเพื่อคุณค่าทางสารอาหาร หากเกินไปกว่านี้วิตามินต่างๆจะสูญเสียไป แต่การสำหรับบางคนอาจจะทนกับกลิ่นไม่ได้จึงนิยมผสมน้ำและน้ำผึ้งเพื่อช่วยกลบกลิ่นเหม็นเขียวทำให้สามารถดื่มได้ง่ายขึ้น ในส่วนของใบสดที่เหลือนั้นสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 3 วันโดยใส่ถุงซิปล็อกปิดสนิทแต่หากเกิน 3 วันไปแล้วไม่ควรนำมาใช้โดยเด็ดขาด
การคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีไม่ควรปั่นแรงเกินไปเพราะจะทำมีน้ำขึ้นมามากเกินไปจนทำให้เกิดกาารออกซิเดชั่นและทำให้สารอาหารลดลง ควรเลือกใช้เครื่องคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีโดยเฉพาะ ซึ่งมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือในออนไลน์เช่น Lazada.co.th ,
วิธีผลิตชาต้นอ่อนข้าวสาลี
ชาจากต้นอ่อนข้าวสาลี เป็นชาที่มีโปรตีนค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชาสนใจ กันเป็นอย่างมากเพราะ สามารถชงดื่มได้ทุกเวลา และตัวของต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ได้ โดยการผลิตชานั้นทำได้ดังนี้
- นำต้นกล้าข้าวสาลีที่เพาะได้จนอายุครบ 10-12 วัน ตัดใบอ่อนออกประมาณ 4 ใบ โดยให้เหนือข้อลำต้น
- คัดใบที่สะอาดไม่มีโรคหรือแมลงล้างด้วยน้ำสะอาด และพักให้สะเด็ดน้ำ
- เมื่อสะเด็ดน้ำเรียบร้อย ให้นำใบต้นอ่อนข้าวสาลีมาหั่นประมาณ 1-2 เซนติเมตร
- นำไปซับน้ำด้วยผ้าขาวบาง และผึ่งอีกครั้งจนกว่าจะสะเด็ดออกหมด
- จากนั้นนำมานวดในกระทะด้วยมือ โดยสังเกตอุณหภูมด้วยมือหากสามารถใช้มือสัมผัสกับกระทะได้แสดงว่าร้อนพอดี
- ในการนวดควรใช้ไฟอ่อน และกระทะที่นำมาใช้ควรเป็นกระทะที่ไม่ผ่านการใช้งานอื่น จะทำให้ได้กลิ่นของต้นอ่อนข้าวสาลีเต็มที่
- นวดจนกระทั่งใบต้นอ่อนข้าวสาลีแห้งสนิท จากนั้นพักไว้ให้เย็น
- นำใบชาต้นอ่อนข้าวสาลีที่ได้บรรจุภาชนะลงในภาชนะทึบแสงเพื่อไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และป้องกันไม่ให้สูญเสียคุณค่าทางอาหาร
การทำชาใบอ่อนข้าวสาลีนั้น ควรใช้ใบอ่อนที่มีอายุในช่วง 10-12 วันเพราะในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ใบต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นจะมีการสะสมธาตุอาหารไว้มากที่สุดกว่าในช่วงอื่นๆ และการตัดใบข้าวสาลีมาทำชานั้นจะต้องตัดเพื่อทำการผลิตวันต่อวัน ไม่ควรตัดทิ้งไว้ข้ามคืนทั้งนี้เพื่อให้คุณค่าของสารอาหารในต้นอ่อนข้าวสาลีคงไว้มากที่สุด
การทำการตลาดหรือหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สนใจอยากจะปลูกต้นอ่อนข้าวสาลีไว้ขายเพื่อสร้างเป็นรายได้เสริมในช่วงแรกการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เริ่มจาก กลุ่มเพื่อนหรือคนรู้จักที่รัก และใส่ใจในสุขภาพ ชอบการออกกำลังกายหรือเข้าฟิตเนส และ เจาะกลุ่มร้านค้าเพื่อสุขภาพหรือร้านค้าในชุมชน หรือจะเน้นกลุ่มของคนรักสัตว์ อย่างร้านขายอาหารสัตว์ ตลาดสัตว์เลี้ยง หรือเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Shopee หรือ Lazada จากนั้นสร้างกลุ่มเพจ Facebook, Instagram รวมไปถึงทำคลิป Tiktok เพื่อทำการโปรโมทในโลกโซเชี่ยลให้คนได้รู้จัก ในช่วงเริ่มแรกของการเพาะต้นอ่อนข้าวสาลี อาจจะค่อยๆเริ่มลงทีละนิด เพื่อดูผลตอบรับจากตลาดณ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จากนั้นจึงค่อยเพิ่มการผลิตให้เพียงพอกับกลุ่มลูกค้า
สำหรับต้นทุนในการเพาะต้นข้าวสาลีอ่อนช่วงเริ่มต้นใช้เงินทุนเพียงหลักพัน ราคาของเมล็ดข้าวสาลีราคากิโลกรัมละ 120 บาท ดินถุงละ 20 บาท แกลบกระสอบละ 50-100 บาท ขุยมะพร้าวกระสอบละ 100-200 บาทแล้วแต่น้ำหนัก ถาดพลาสติกเพาะต้นกล้าใบละ 35 บาท อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้สามารถหาซื้อได้ตามตลาดต้นไม้ ตลาดเกษตร หรือร้านค้าเพื่อการเกษตร หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ใน Lazada หรือ Shopee ก็ได้เช่นกัน
ต้นอ่อนข้าวสาลีนั้นมากด้วยคุณค่าทางสารอาหารเป็นสินค้าที่เจาะเฉพาะกลุ่มทั้งในกลุ่มของคนรักสุขภาพและกลุ่มรักสัตว์เลี้ยง หากทำการตลาดได้ตรงจุดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แล้ว เชื่อได้ว่าต้นอ่อนข้าวสาลีที่ทำเป็นอาชีพเสริมอาจจะกลายมาเป็นรายได้หลักให้กับมนุษย์เงินเดือนหลายๆ คนเลยก็เป็นได้ ทั้งนี้เพราะใช้เวลาไม่นานเพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดช่วงเริ่มต้นเพียง 7 วันสร้างรายได้ง่ายๆ ด้วยต้นอ่อนข้าวสาลี อาชีพเสริมมนุษย์เงินเดือน ได้ง่ายๆ กันแล้วค่ะ hobinvest
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เว็บตรงสล็อต